วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

15.ปัญหาทางจริยธรรม (Ethical Considerations)

15.ปัญหาทางจริยธรรม (Ethical Considerations)
http://www.kmddc.go.th/blogitem.aspx?itemid=2836 ได้รวบรวมไว้ว่า เนื่องจากในอดีตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มี ตัวอย่างของงานวิจัยที่ไม่เป็นไปตามหลักจริยธรรมซึ่งมีอยู่มาก เช่น การ ทดลองทางการแพทย์ต่อเชลยศึกในสงครามโลกครั้งที่2 แพทย์นาซีเยอรมันทดลองต่อเชลยศึก เพื่อศึกษาผลของสารเคมี ยา เชื้อโรค และสภาวะต่างๆ ต่อมนุษย์ การทดลองให้มนุษย์อยู่ในอุณหภูมิต่างๆ การเอาน้ำร้อนอุณหภูมิต่างๆ กรอกเข้าไปในร่างกายคน ฉีดเชื้อมาลาเรียเพื่อหาวิธีการรักษาด้วยยาต่างๆ ทดลองเกี่ยวกับแผลติดเชื้อ โดยทำให้เกิดแผล แล้วเอาเศษแก้ว เศษไม้ใส่ให้เหมือนกับภาวะในสงครามจริงๆ เอาคนเข้าไปขังในห้องที่ปรับความดันอากาศในระดับต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ในการพัฒนาทางการทหาร แต่การทดลองเหล่านี้ทำให้ผู้ถูก วิจัยต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดมาก กรณีศึกษาของการทดลองที่ไม่มีจริยธรรมได้รับการเปิดเผย ทำให้มีคน กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหา เสนอว่าการวิจัยควรต้องมีกฎเกณฑ์ ต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักจริยธรรมการวิจัย
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2551 : 28) ได้กล่าวไว้ว่า ปัญหาทางจริยธรรมหรือการผิดจรรยาบรรณ มีการกระทำผิดทั้งผู้ทำวิจัยหรือผู้ขอทุนวิจัยและผู้ให้ทุนวิจัย ซึ่งมีหลายลักษณะดังนี้
1.การตั้งชื่อเรื่อง
- ลอกเลียนแบบชื่อเรื่องงานวิจัยของผู้อื่น
- ตั้งชื่อเรื่องวิจัยให้หน่วยงานโดยหวังผลประโยชน์ส่วนตน
2.การขอรับทุนสนับสนุน
- งานวิจัยเรื่องเดียวแต่ขอรับทุนหลานแหล่ง
- เปลี่ยนชื่อบางส่วน เช่น เปลี่ยนชื่อจังหวัดแต่เนื้อในเหมือนกันหมดแล้วแยกกันไปขอทุน
- แอบอ้างชื่อนักวิจัยและที่ปรึกษาโครงการ
- การติดสินบนผู้พิจารณา
- ขอทุนแล้วเอาไปจ้างผู้อื่นทำต่อ
- การพิจารณาทุนมีการเกรงใจกันหรือใช้วิธีการตกลงกันล่วงหน้า (lobby) มาก่อน
3.งบประมาณการวิจัย
- ตั้งงบประมาณสูงเกินจริง และไร้เหตุผล
- ผู้ให้ทุนสร้างเงื่อนไขให้เบิกยาก เช่น ใช้ระบบราชการเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง
4.การทำวิจัย
- แอบอ้างชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัยโดยส่งเครื่องมือไปให้เป็นพิธี
- ไม่ส่งผลงานวิจัยตามกำหนดเวลาที่ขอทุน
- ไม่ได้เก็บข้อมูลจริงใช้วิธีสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่ (ยกเมฆ)
- ยักยอกงบประมาณไปใช้ส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานวิจัย
- เร่งรีบทำวิจัยช่วงใกล้ ๆ วันจะส่งผลงานวิจัยทำให้ผลงานวิจัยไม่มีคุณภาพ
- ไม่มีความรู้พอที่จะทำวิจัย
5.การเขียนรายงานการวิจัย
- จูงใจ เบี่ยงเบนผลการวิจัยโดยหวังผลประโยชน์ส่วนตน
- เขียนรายงานในสิ่งที่ไม่ได้ทำจริง เช่น ไม่ได้หาคุณภาพเครื่องมือวิจัยแต่เขียนว่าหาคุณภาพเครื่องมือวิจัยพร้อมทั้งรายงานค่าสถิติที่สร้างขึ้นเอง เป็นต้น
- คัดลอกข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่อ้างอิง
- นำผลงานวิจัยผู้อื่นมาเปลี่ยนชื่อเป็นของตน
6.การส่งผลงานวิจัย
- ได้ทุนแล้วเมื่อครบกำหนดเงื่อนไขไม่ยอมส่งผลงานวิจัยให้หน่วยงานที่ให้ทุนตามสัญญา
- ไม่ได้แก้ตามประเด็นที่ตกลงไว้ก่อนรับทุน และผู้ให้ทุนก็ไม่ได้ตรวจ
องอาจ นัยพัฒน์ (2550 :24) ได้กล่าวไว้ว่า จริยธรรมและจรรยาบรรณในการวิจัยในกระบวนการแสวงหาความรู้ความจริงด้วยวิธีการวิจัย นักวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์มักมีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาทางด้านจริยธรรม (ethical problem) นานัปการ เช่น
1.การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy) ของบุคคลแต่ละคนหรือกลุ่มชนแต่ละกลุ่ม (ทั้งโดยการเฝ้าสังเกตการณ์และสอบถามเรื่องส่วนตัว)
2.การหลอกลวง (deception) หน่วยตัวอย่างที่ให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการทำวิจัย
3.การบิดเบือนข้อค้นพบของการศึกษาวิจัย รวมทั้งการแอบอ้างผลงานวิจัยของบุคคลอื่นมาเป็นของตนเอง (plagiarism) ปัญหาทางด้านจริยธรรมทางการวิจัยในด้านต่าง ๆ เหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยตัวอย่างที่ให้ข้อมูลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
สรุป
การวิจัยควรต้องมีกฎเกณฑ์ ต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักจริยธรรมการวิจัย จริยธรรมและจรรยาบรรณในการวิจัยในกระบวนการแสวงหาความรู้ความจริงด้วยวิธีการวิจัย นักวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์มักมีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาทางด้านจริยธรรม (ethical problem) นานัปการ เช่น
1.การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy) ของบุคคลแต่ละคนหรือกลุ่มชนแต่ละกลุ่ม (ทั้งโดยการเฝ้าสังเกตการณ์และสอบถามเรื่องส่วนตัว)
2.การหลอกลวง (deception) หน่วยตัวอย่างที่ให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการทำวิจัย
3.การบิดเบือนข้อค้นพบของการศึกษาวิจัย รวมทั้งการแอบอ้างผลงานวิจัยของบุคคลอื่นมาเป็นของตนเอง (plagiarism) ปัญหาทางด้านจริยธรรมทางการวิจัยในด้านต่าง ๆ เหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยตัวอย่างที่ให้ข้อมูลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ดังนั้นคุณสมบัติที่ดีของผู้วิจัย คือ มีความซื่อสัตย์ มีความรู้ ไม่มีอคติต่อผู้ที่เกี่ยวข้องหรือหัวข้อวิจัย ไม่เอาความคิดส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสินใจผลวิจัย ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นคนช่างสังเกต ละเอียด รอบคอบ มีความอดทน ตรงต่อเวลา มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี และรู้จักประหยัดใช้ทรัพยากรในการวิจัย
ที่มา:
http://www.kmddc.go.th/blogitem.aspx?itemid=2836 เข้าถึงเมื่อ 25 ธันวาคม 2555.
พิชิต  ฤทธิ์จรูญ.  (2551).  ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์.  กรุงเทพมหานคร : ครุศาสตร์
       
สถาบันราชภัฏพระนคร.
องอาจ  นัยพัฒน์.  (2550).  วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทางพฤติกรรมศาสตร์
        
และสังคมศาสตร์.  กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามลดา.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น